Posts List

Health

  • ดาวน์ซินโดรม สามารถตรวจได้ตั้งแต่ในครรภ์
    ดาวน์ซินโดรม สามารถตรวจได้ตั้งแต่ในครรภ์

    ดาวน์ซินโดรม เป็นภาวะผิดปกติส่งผลต่อสติปัญญาและพัฒนาการของทารก พ่อแม่ที่กำลังรอเจ้าตัวน้อยลืมตาดูโลกย่อมมีความกังวลใจถึงสุขภาพของลูกน้อย โดยเฉพาะโรคทางพันธุกรรมที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ นอกจากรู้เท่าทันโรคควรต้องดูแลครรภ์ให้ถูกวิธีตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงลูกน้อยเป็นดาวน์ซินโดรม

    ดาวน์ซินโดรม คืออะไร

    ดาวน์ซินโดรม คือ ภาวะที่เด็กมีโครโมโซมเกิน ปกติมนุษย์จะมีโครโมโซม 46 XY ถ้าเป็นผู้ชาย และ 46 XX ถ้าเป็นผู้หญิง แต่ถ้าคนไหนมีโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินจะส่งผลต่อสติปัญญาและพัฒนาการของทารก ทำให้เกิดโรคเฉพาะที่เรียกว่า ดาวน์ซินโดรม ทำให้มีพัฒนาการช้า มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา และอาจพบโรคหัวใจร่วมด้วย

    ซึ่งผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมส่วนใหญ่จะมีใบหน้าเป็นลักษณะเฉพาะ (หน้าตาของเด็กดาวน์ จะมีดวงตาทั้ง 2 ข้างเฉียงขึ้น หัวคิ้วด้านใกล้จมูกหนาตัวขึ้น ม่านตามีจุดสีขาว สันจมูกแบน ปากเปิดออก ลิ้นมักจะจุกอยู่ที่ปาก หูมีขนาดเล็ก รอยพับของหูมีมากกว่าปกติ รูปร่างจะมีระยะห่างระหว่างหัวนมใกล้กว่าเด็กทั่วไป มือสั้นและกว้าง ลักษณะนิ้วและลายมือ ไม่เหมือนเด็กปกติ ศีรษะเล็ก กะโหลกศีรษะด้านหลังแบน เมื่อเติบโตขึ้นก็จะตัวเตี้ยและส่วนใหญ่จะอ้วน) และมีความพิการทางสติปัญญาระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ระดับเชาวน์ปัญญาโดยเฉลี่ยของผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นอยู่ประมาณ 50 เทียบเท่ากับเด็กอายุ 8-9 ปี อย่างไรก็ดีระดับสติปัญญาของผู้ป่วยเหล่านี้อาจมีความแตกต่างกันได้มาก

    การเสี่ยงตั้งครรภ์ทารกดาวน์ซินโดรม

    • แม่ที่ตั้งครรภ์ตอนอายุมาก ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ตอนอายุมากกว่า 35 ปี มีโอกาสที่ทารกจะเป็นดาวน์ซินโดรมสูงถึง 1 ใน 250 และยิ่งอายุของแม่มากเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้นอีก ในขณะที่ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ตอนอายุต่ำกว่า 30 ปี จะมีความเสี่ยงไม่มากนัก
    • แม่ที่เคยคลอดบุตรคนก่อนเป็นดาวน์ซินโดรม หากตั้งท้องครั้งต่อไป ก็มีโอกาสที่ทารกจะเป็นดาวน์ซินโดรมได้เช่นกัน
    • มีประวัติคนในครอบครัวเป็นดาวน์ซินโดรม เช่น พี่น้อง หรือญาติที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด
    • ผลตรวจอัลตราซาวน์พบลักษณะที่บ่งชี้ว่าเป็นดาวน์ซินโดรม เช่น ทารกมีขาสั้น ลิ้นโตกว่าปกติ

    การตรวจหาดาวน์ซินโดรม

    1. โดยการเจาะน้ำคร่ำ (Amniocentesis)

    การตรวจดาวน์ซินโดรมของทารกในครรภ์ โดยการเจาะน้ำคร่ำ (Amniocentesis) เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด แต่ก็มีความเสี่ยง เกิดภาวะแทรกซ้อน 1 รายจากการตรวจ 200 ราย
    • การเจาะน้ำคร่ำ เป็นวิธีการเจาะเข้าไปในถุงน้ำที่ห่อหุ้มตัวทารกและดูดน้ำคร่ำนำมาตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น กลุ่มอาการดาวน์ โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมอื่นๆ
    • วิธีการตรวจทำโดยใช้เข็มขนาดเล็กเจาะผ่านหน้าท้องของสตรีตั้งครรภ์และดูดน้ำคร่ำ (รายละเอียดตามเอกสาร ความรู้เรื่องการเจาะน้ำคร่ำ)
    • ประโยชน์ของการตรวจเพื่อตรวจโครโมโซมของทารกในครรภ์หรือโรคทางพันธุกรรมบางโรค (เฉพาะในกรณีที่เป็นข้อบ่งชี้ของการตรวจ)
    • ข้อจำกัดของการตรวจ
      – บางครั้งไม่สามารถดูดน้ำคร่ำมาตรวจได้หรือการเพาะเลี้ยงเซลล์ในน้ำคร่ำอาจไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ไม่สามารถทราบผลการตรวจ
      – แม้ว่าผลการตรวจจะเป็น “ปกติ” แต่ทารกอาจมีความพิการแต่กำเนิด หรือมีพัฒนาการช้า จากสาเหตุอื่น
    • ภาวะแทรกซ้อน โดยทั่วไปการเจาะน้ำคร่ำเป็นวิธีการตรวจที่มีความเสี่ยงน้อย ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยคือ ปวดเกร็งท้องเล็กน้อยหลังการเจาะ แต่บางครั้งอาจเกิดการติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ การแท้งหรือเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดได้ 1 ราย จากการตรวจ 200 ราย การตรวจอาจทำให้เกิดการสร้างภูมิต้านทานในผู้ที่มีกลุ่มเลือด Rh negative ซึ่งป้องกันได้ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้รับยาบางชนิด การตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ เช่น ครรภ์แฝด อาจมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น
    2. ตรวจคัดกรองทารกกลุ่มดาวน์จากการตรวจเลือดมารดา
    • โดยวิธีตรวจจากสารเคมี คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดกันมานานว่า เด็กดาวน์ซินโดรม (ปัญญาอ่อน) เกิดจากมารดาที่มีอายุมากกว่า 35 ปีเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว เด็กดาวน์จำนวนมากเกิดจากมารดาที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี หากสำรวจเด็กดาวน์จำนวน 100 คน จะพบว่า เกิดจากมารดาอายุมากเพียงร้อยละ 25-30 เท่านั้น ที่เหลืออีกร้อยละ 70-75 เกิดจากมารดาที่อายุน้อย แม้ว่ามารดาอายุมากจะมีความเสี่ยงในการเกิดเด็กดาวน์มากกว่า แต่เนื่องจากมารดาอายุมากมีจำนวนน้อย ดังนั้นการตรวจน้ำคร่ำในมารดาที่มีอายุมากกว่า 35 ปี เท่านั้นจะสามารถป้องกันการเกิดเด็กดาวน์ได้เพียงร้อยละ 25-30 เท่านั้น เราสามารถตรวจคัดกรองทารกกลุ่มดาวน์โดยการตรวจเลือดมารดาในไตรมาสแรกและไตรมาสที่สอง เพื่อให้ทราบว่า มารดามีความเสี่ยงสูงหรือความเสี่ยงต่ำที่จะเกิดเด็กดาวน์ หากพบว่ามีความเสี่ยงสูง แพทย์จะแนะนำให้ทำการตรวจน้ำคร่ำต่อไป หากพบว่ามีความเสี่ยงต่ำ ก็อาจไม่คุ้มที่จะทำการตรวจน้ำคร่ำ
    • โดยวิธีการตรวจ NIPT
      ความผิดปกติของการมีโครโมโซมเกินมา 1 แท่ง (Trisomy) ในโครโมโซมชุดที่ 21, 18 และ 13 เป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อย ซึ่งการตรวจ NIPT จะประเมินโอกาสเสี่ยงที่ทารกจะมีโครโมโซมผิดปกติ โดยการตรวจวิเคราะห์ปริมาณของ DNA ซึ่งอยู่ในพลาสมาของมารดาโดยใช้เทคโนโลยี high-throughput DNA sequencing ร่วมกับการใช้ชีวสารสนเทศขั้นสูงในการวิเคราะห์ข้อมูล และการตรวจ NIPT ไม่มีความเสี่ยงอันตรายต่อทารกในครรภ์ เนื่องจากทำโดยการเจาะเลือดมารดาเท่านั้น โดยมีอัตราการตรวจพบ และความแม่นยำของผลการตรวจมากกว่าร้อยละ 99
    ดาวน์ซินโดรม
    ข้อมูลทั่วไปของการตรวจ NIPT

    วัตถุประสงค์หลักในการตรวจความผิดปกติของโครโมโซมชนิด Trisomy ของโครโมโซมชุดที่ 21,18 และ13 ทั้งในครรภ์เดี่ยวและครรภ์แฝด สาหรับครรภ์เดี่ยวการตรวจนี้อาจตรวจพบความผิดปกติของโครโมโซมชนิดอื่นๆ ได้ด้วย เช่น Turner Syndrome (XO), ความผิดปกติอื่นๆ ของโครโมโซมเพศ, sub-chromosomal deletion และ duplication ซึ่งจะระบุไว้ในส่วน Additional Finding

    ข้อมูลจากผลการศึกษาวิจัยในปัจจุบัน แสดงว่าการตรวจ NIPT มีความแม่นยำสูงมาก สามารถตรวจพบความผิดปกติชนิด Trisomy ของโครโมโซมชุดที่ 21, 18 และ 13 ได้มากกว่าร้อยละ 99 และผลบวกลวงน้อยกว่าร้อยละ 1 แต่การตรวจนี้ถือเป็นเพียงการตรวจกรองเท่านั้น มิได้เป็นการตรวจเพื่อการวินิจฉัย กรณีที่ผลการตรวจกรองผิดปกติ ต้องตรวจยืนยันโดยการตรวจโครโมโซมทารกเสมอ และในกรณีที่ผลการตรวจกรองเป็นปกติ ก็ไม่สามารถบอกว่าทารกมีโครโมโซมปกติได้ทั้งหมด

    การตรวจนี้ หากตรวจขณะอายุครรภ์น้อยกว่า 10 สัปดาห์ อาจมีปริมาณ DNA ของทารกน้อยเกินไป ทำให้เกิดผลลบลวงได้ และการตรวจนี้ไม่สามารถแปลผลได้อย่างถูกต้องในกรณีดังต่อไปนี้ มารดามีโครโมโซมผิดปกติชนิดต่างๆ เช่น aneuploidy, mosaicism, chromosome microdeletion, microduplication และ multiple pregnancies เป็นต้น หากมารดาได้รับเลือด หรือ การปลูกถ่ายอวัยวะ หรือ การรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด อาจทำให้ผลการตรวจผิดพลาดได้จาก exogenous DNA

    ลักษณะผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม

    ลักษณะทางกายภาพทั่วไปของผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม

    • ใบหน้าแบนโดยเฉพาะดั้งจมูก
    • ดวงตาเป็นรูปอัลมอนด์ที่เอียงขึ้น
    • คอสั้น แขนสั้น ขาสั้น นิ้วสั้น หรือเท้าสั้น
    • หูเล็ก มือและเท้าเล็ก
    • มีลิ้นที่ยื่นออกมาจากปาก
    • จุดสีขาวเล็ก ๆ บนม่านตา (ส่วนที่เป็นสี) ของดวงตา
    • นิ้วก้อยมีลักษณะเล็ก หรือโค้งไปทางนิ้วหัวแม่มือ
    • กล้ามเนื้อไม่สมบูรณ์ หรือข้อต่อหลวม
    • ตัวเล็กกว่าปกติในคนวัยเดียวกัน

    รักษาดาวน์ซินโดรม

    ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาภาวะดาวน์ซินโดรม แต่การตรวจเช็กอย่างละเอียดจะช่วยให้ครอบครัวสามารถวางแผนเตรียมความพร้อมและดูแลเจ้าตัวเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด

    การตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมในทารกเป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่ต้องใส่ใจ ซึ่งการฝากครรภ์และพบแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้งจะช่วยให้ตรวจคัดกรองได้อย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตามการตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมในทารกจะต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

     

    เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ

     

    ที่มาของบทความ

     

    ติดตามเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่  lacasitadelprincipe.com

    สนับสนุนโดย  ufabet369

Economy

  • เศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งกว่าที่รายงานเมื่อต้นปี 2566
    เศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งกว่าที่รายงานเมื่อต้นปี 2566

    การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แข็งแกร่งกว่าที่เคยรายงานเมื่อต้นปี ซึ่งเป็นข่าวที่อาจช่วยหนุนกรณีที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นในประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าข้อมูลล่าสุด

    แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตในอัตรา 2% ต่อปีในช่วง 3 เดือนแรกของปี

    ประมาณการครั้งแรกทำให้การเติบโตอยู่ที่ 1.1% ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม

    การเพิ่มขึ้นดังกล่าวสะท้อนถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งกว่าที่เคยเข้าใจ

    ธนาคารกลางสหรัฐพยายามทำให้เศรษฐกิจเย็นลงโดยมีเป้าหมายเพื่อลดแรงกดดันที่ผลักดันให้ราคาสูงขึ้น

    ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลัก 5 จุดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 เป็นมากกว่า 5% และส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นกำลังจะเกิดขึ้นอีก

    การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าอาจนำไปสู่การชะลอตัวอย่างเจ็บปวด  เศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากอัตราที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อกิจกรรมต่างๆ เช่น การใช้จ่ายและการขยายธุรกิจ

    หลายบริษัทได้รายงานความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเมื่อต้นปีนี้ แต่การจ้างงานยังคงแข็งแกร่งและข้อมูลอื่น ๆ ได้วาดภาพที่สดใสขึ้น

    อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐต่ำสุด

    นับตั้งแต่ปี 2564 เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง
    ฉันควรกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ แค่ไหน?
    เช่นเดียวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภค กระทรวงพาณิชย์ในวันพฤหัสบดีกล่าวว่าการส่งออกก็สูงกว่าที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้เช่นกัน

    Diane Swonk หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ KPMG ในสหรัฐฯ ทวีตตอบกลับรายงานดังกล่าวว่า “เรื่องเล่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการเติบโต สัญญาณของการชะลอตัวยังไม่เพียงพอ”

    นักวิเคราะห์กล่าวว่ารายงานไม่ได้เปลี่ยนภาพรวมของอัตราเงินเฟ้อ ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4% ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนพฤษภาคม จากข้อมูลของกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 2 ปี ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงนับตั้งแต่พุ่งขึ้นในปีที่แล้ว

    แต่ราคาของสินค้าอื่น ๆ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เรียกว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งแยกรายการพลังงานและอาหารออก และนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าเป็นตัวชี้วัดที่ดีกว่าของแรงกดดันพื้นฐาน อยู่ที่ 5.3%

    เศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งกว่าที่รายงานเมื่อต้นปี 2566ในการประชุมที่ยุโรปในสัปดาห์นี้

    นายเจอโรม พาวเวลล์ หัวหน้าธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวว่า เขาไม่คิดว่านโยบายในปัจจุบันมีผลดีเพียงพอ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ

    “แม้ว่านโยบายจะมีข้อจำกัด แต่อาจจำกัดไม่เพียงพอและไม่ได้จำกัดนานพอ” นายพาวเวลล์กล่าวระหว่างการอภิปรายที่จัดโดยธนาคารกลางยุโรปในโปรตุเกส

    Scott Hoyt ผู้อำนวยการอาวุโสของ Moody’s Analytics กล่าวว่าเขาคาดว่าเศรษฐกิจจะดิ้นรนเนื่องจากเฟดมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้กับเงินเฟ้อ แต่ก็ยังสามารถจัดการเพื่อหลีกเลี่ยงการลดลงโดยสิ้นเชิง

    “เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวได้อย่างน่าชื่นชม และโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงต้นปีนี้กำลังถดถอย แต่ชายฝั่งยังห่างไกลจากความชัดเจน” เขากล่าว

    ธนาคารกำลังล้มเหลว บริษัทขนาดใหญ่กำลังลดพนักงาน ตลาดหุ้นทรงตัว – และไข่หนึ่งกล่องยังคงมีราคาสูงกว่าสองเท่าของเมื่อสามปีที่แล้ว

    ไม่น่าแปลกใจที่ชาวอเมริกันจำนวนมากเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังมีปัญหา

    แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

    จากเมืองที่เฟื่องฟูสู่การชะลอตัว
    เมื่อ 2 ปีก่อน เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู

    การเติบโตทางเศรษฐกิจแตะ 5.9% ในปี 2564 ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วที่สุดในรอบเกือบ 4 ทศวรรษ เนื่องจากการระบาดใหญ่เปิดอีกครั้งทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการเติบโตของงานเพิ่มขึ้น

    บริษัทต่างๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน มีผลกำไรที่แข็งแกร่งผิดปกติ แม้จะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นสำหรับการจัดหา

    แต่ไม่มีใครเชื่อว่าการเติบโตแบบนี้จะยั่งยืนได้ และไม่เคยเป็นเช่นนั้น

    ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราเพียง 1.1% ต่อปี ส่วนใหญ่เป็นเพราะธนาคารกลางสหรัฐฯ เร่งเบรกอย่างรวดเร็วเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ

    ธนาคารกลางได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 จุดเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ซึ่งเป็นต้นทุนการกู้ยืมที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาสั้นๆ นั่นเป็นความตกใจที่เศรษฐกิจไม่เคยประสบมาก่อนตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980

    การถกเถียงกันในตอนนี้คือการชะลอตัวนี้จะเจ็บปวดเพียงใด

    ค่าใช้จ่ายในการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ
    เฟดกำลังพยายามควบคุมการขึ้นราคาซึ่งเริ่มพุ่งสูงขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู ทำให้เศรษฐกิจไม่มีเสถียรภาพและกำลังซื้อลดลง

    อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นควรจะกีดกันผู้คนและธุรกิจจากการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน ขยายและเปิดบริษัท และดำเนินกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเย็นลงและคลายแรงกดดันด้านราคา

    เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจในเว็บของเรา

    จู๊ด เบลลิงแฮม,แรชฟอร์ดนำสไตล์ฟุตบอลมาสู่ปารีสแฟชั่นวีค

    แมนฯ ซิตี้,เชลซีตกลง 30 ล้านปอนด์สำหรับมาเทโอ โควาซิช

    ลูกชอบเถียง ทำอย่างไรให้เถียงอย่างสร้างสรรค์

    ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับฮาโกเน่ ประเทศญี่ปุ่น (2)

    Swiatek ต้องถอนตัวก่อนการแข่งขันรอบคัดเลือก Miami Open

    ขอบคุณรูปภาพจาก pexels.com

    แหล่งที่มา https://www.bbc.com/news/business

    สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติม lacasitadelprincipe.com